วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

หนองคาย เวียงจันทร์

อันนี้นั่งรถมาจากเลยคับ   จุดลงรถที่หนองคาย  คนรถจะเรียกว่าหวนลายแล้วเราก็ต้องเดินเข้าไปอีก   จากนั้นก็เดินตรงไปอย่างเดียวก็จะถึงริมโขงน่าจะประมาณ 800 เมตรได้
เราได้ที่พักสำหรับคืนนี้แล้ว  กว่าจะได้ถามหลายที่มากเลย  เพราะช่วงนี้ที่พักเต็มเกือบหมด 

หิวข้าวแล้วเลยไปนั่งกินข้าวริมโขงกัน 
เมนูแนะนำก็จะมีต้มยำปลาคัง เป็นปลาแบบไม่มีเกล็ดคล้ายปลาสวายอารายประมาณนี้และ กุ้งเผา อยากกินหม่ำเลยสั่งมากินด้วยแซ๊บหลาย 

เดินย่อยข้าวถ่ายรูปกันหน่อย เดินเล่นอยู่ริมโขงลมพัดเย็นสบาย แถวนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่เงียบสงบดีมากเลย  แต่เดินนานก็เมื่อย  กลับไปพักผ่อนเอาแรงดีกว่า   พรุ่งนี้มีโปรแกรมใหญ่อีก 
5  ธันวาคม 2554
ตื่นจากที่พักประมาณ 7  โมง เก็บของเตรียมพร้อมไว้เพื่อเดินทางต่อ  จากนั้นก็เก็บภาพตอนเช้าแถวริมโขงระหว่างรอเพื่อนเจ้าถิ่นมาสมทบ
 
เมื่อถ่ายรูปพอสมควรแล้วเราก็นั่งรถสามล้อเพื่อไปเที่ยวถามหาสถานที่ที่น่าสนใจก็มี  วัดโพธิ์ชัย ที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระใส  เจดีย์กลางน้ำ และศาลาแก้วกู่ ราคาเหมา 200 บาท  เที่ยวแบบด่วนๆก่อนเพื่อนจะมาถึง  ที่แรก
วัดโพธิ์ชัย  เป็นวัดที่มีพุทธศาสนิกชนหนาแน่นมาก
ศาลาแก้วกู่ ( ชาวบ้านเรียก วัดแขก)
เป็นสถานที่ที่น่าสนใจมากแบบว่าเหมือนกับจำลองแดนนิพพานอะไรประมาณนี้ ทุกอย่างดูมีศิลปะอยู่บนงานปั้นแต่ละชิ้น  มีชีวิตชีวาและที่สำคัญทำให้เรารู้สึกอลังการมากเมื่อเดินเข้ามา
เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงน้ำโขงลดเราจึงมีโอกาสเห็นพระธาตุกลางน้ำโปรดสังเกตธงแดงกลางน้ำจุดนั้นแหละ ข้างๆก็จะมีจุดพักชมประวัติพระธาตุ

พอเดินได้แป๊บนึงเพื่อนก็โทรมา  เราก็รีบกลับไปที่ริมโขงเพื่อพบกับไกด์คนงาม(อิอิ)
และแล้วหล่อนก็พาเราไปยังด่านที่จะข้ามไปฝั่งลาว  เอะ!!จอดรถไหนดีน้า  เย้จอดได้แล้วเรามาถึงด่านประมาณ 8 โมงกว่า แล้วก็กำลังคิดกันว่าจะข้ามฝั่งไปยังไงดี  แล้วเราก็เดินเข้าไปหาทัวร์จำชื่อมะได้ละ  ราคาประมาณ 1200 ต่อรถหนึ่งคัน  เมื่อต่อรองราคาเรียบร้อยแล้วเราก็เอาบัตรประชาชนให้ทัวร์เพื่อทำบัตรผ่านแดนใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็ได้หนังสือผ่านแดน  เราเดินทางมาที่จุดผ่านแดน

                                              รอคิวยื่นหนังสือผ่านทาง โดยไกด์ชาวลาวชื่อ...ดุ๊ก

นั่งรถบัสข้ามฝั่งโขงไปยังประเทศลาว


                                                


เก็บภาพพอหอมปากหอมคอ
จุดแรกที่ลาวแวะกินเฝอพร้อมไกด์ชามละ 60 บาทถ้าจำไม้ผิด ชามใหญ่มาก
สถานที่ต่อไปพระธาตุหลวงเวียงจันทร์  กว่าจะไปถึงก็เที่ยงพอดี  ที่นี่เค้าพักเที่ยงคับ รอบ่ายค่อยเข้าไปชมนะ  เราเลยเดินทางไปที่อื่นก่อน   เราเลยไปหอพระแก้ว  สถานที่ที่เคยประดิษฐานพระแก้วมรกตที่ได้อัญเชิญมาจากล้านนา  และเมื่อนครเวียงจันทน์ถูกกองทัพสยามตีแตก กองทัพสยามได้อัญเชิญพระแก้วมรกต พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของนครเวียงจันทน์ ไปกรุงเทพ  ค่าเข้าชม คนละ 5,000 กีบ  ถ้าใส่ขาสั้นทางเจ้าหน้าที่จะให้ใส่ผ้านุ่งสวยงามเลยละ   ภายในวิหารเค้าห้ามถ่ายรูปนะครับโปรดระวังด้วย  ข้างในก็จะแสดงศิลปะทั้งรูปปั้น  พระพุทธรูป แล้วก็พวกต้นไม้เงินต้นไม้ทอง  ประมาณนี้แหละ


จากนั้นแวะวัด “สิเมือง” เป็นวัดที่ใครขออะไรก็ได้แต่ห้ามขอเรื่องความรัก

ประตูชัยก็ไม่ได้แวะเพราะวันนี้แขกผู้ใหญ่ของลาวมา  และแล้วก็ไปที่สุดท้าย  พระธาตุหลวงเวียงจันทร์ วัดคู่บ้านคู่เมืองชาวลาว  เมื่อเดินพ้นซุ้มประตูขนาดใหญ่มาแล้วก็จะเป็นลานกว้าง มองเห็นพระธาตุเจดีย์สีทองโดดเด่น ภายในจะเห็น อนุสาวรีย์ของสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์นักรบและ วีระบุรุษแห่งอาณาจักรล้านช้าง ตั้งเด่นเป็นสง่า อยู่ลานหน้าพระธาตุ... และคนไทย (โดยเฉพาะคนภาคเหนือ) คงน้อยคนนักที่รู้ว่าพระองค์เป็นกษัตริย์จากอาณาจักรล้านช้างที่เคยมาปกครองเมืองเชียงใหม่ 


กว่าจะเที่ยวจนหมดก็บ่ายสามโมงได้ละ  คราวนี้ไกด์สาวก็พาเรานั่งรถไปอุดรเพื่อที่จะขึ้นรถทัวร์กลับ กทม มาลุยงานต่อ  ก่อนกลับมีเลี้ยงแหนมเนืองอร่อยมาก