วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ล่องใตัครับ

10 เดือน กรกฎาคม 2557
เมื่อเข้าพรรษาที่ผ่านมากระผมได้เดินทางกลับบ้านที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
เริ่มต้นด้วยการขับรถออกประมาณบ่ายโมง ไปทางบางนา เข้าพระราม2 ไปสมุทรสาคร แวะกินข้าว
ขับมาจนถึงประมาณ 1 ทุ่มได้แค่บางสะพานเลยหาที่พัก ผมขับเข้าไปตามทางหลวงชนบทเพื่อหาที่พักและแล้วก็ได้ที่พัก
ชื่อ สวนลุงมวล รีสอร์ท ไปดูกัน  ที่พัก ราคา ประมาณ 2000-800 บาท แล้วแต่ห้อง


 
 
 
 
มาถึงก็ค่ำแล้ว
 
 
 
หิวๆ พอดีข้างๆมีร้านข้าวยังไม่ปิด เมนูวันนี้  มาชมกันเลย


 
 
อาหารอร่อยดีครับ ปลาทะเลผัดฉ่า  ต้มยำรวมมิตร ปลากะพงทอดน้ำปลา ยำปลาหมึก
 
กินกันอิ่มมาก หมดไม่เหลือเลย แต่เสียอย่างเดียวฝนตก ฮ่าๆๆ
 
 
เช้าแล้ว วันนี้มีอาหารเช้าให้ด้วย เก็บภาพก่อน

 





 
เมนูข้าวต้มทะเล
 
นอกจากนี้ยังมีเมนู ขนมปัง แยม อีก อิ่มอีกมื้อ
 
จากนั้นเราก็ออกเดินทางไปชุมพร ไปต่อที่ศาลกรมหลวงชุมพร
กว่าจะถึงขับรถจนเมื่อยเลย
 







 
หาที่จอดรถแล้วก็เดินชมๆ ไปเรื่อยๆ
 
เดินเที่ยวประมาณชั่วโมงกว่า ตอนนี้ก็จะเที่ยงแล้ว  เลยขับรถออกมาไปหาข้าวกินกลางทาง
 
 
เป้าหมายต่อไปวัดพระบรมธาตุไชยา ขับรถอีก 2 ชั่วโมง
 




 
ตอนแรกผมคิดว่าเป็นวัดที่ใหญ่มาก  แต่พอมาถึง เป็นวัดที่เล็กไม่ได้ใหญ่โตอะไร
 
แต่มีพุทธศาสนิกชนมากันอยู่ไม่ขาดสาย  ผมเลยถือโอกาสเวียนเทียนที่นี่ซะเลย
 
 
กว่าจะเสร็จก็ประมาณ บ่ายสามครึ่ง  คราวนี้ผมจะเดินทางไปเป้าหมายสุดท้ายคือบ้านของกระผมเอง 
 หมู่บ้านกะทูนเหนือ  ต.กะทูน อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช
 
 
กว่าจะถึง บ้านเกือบ หกโมงเย็นละครับ ก่อนเข้าบ้านมาเก็บภาพอ่างเก็บน้ำกะทูน บ้านเกิดผมหน่อยครับ  แนะนำเป็นที่พักผ่อน สำหรับคนที่ชอบบรรยากาศขุนเขา และชนบท  ที่อ่างเก็บน้ำลมดีมากครับ
 
 
 
 

 
 






                นี้แหละครับบ้านผม  เมืองแห่งขุนเขา ชุมชนแห่งการเรียนรู้  ครับ
 
 
 

 


 
 
 
 
 
 



 
 
 
 

วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

หนองคาย เวียงจันทร์

อันนี้นั่งรถมาจากเลยคับ   จุดลงรถที่หนองคาย  คนรถจะเรียกว่าหวนลายแล้วเราก็ต้องเดินเข้าไปอีก   จากนั้นก็เดินตรงไปอย่างเดียวก็จะถึงริมโขงน่าจะประมาณ 800 เมตรได้
เราได้ที่พักสำหรับคืนนี้แล้ว  กว่าจะได้ถามหลายที่มากเลย  เพราะช่วงนี้ที่พักเต็มเกือบหมด 

หิวข้าวแล้วเลยไปนั่งกินข้าวริมโขงกัน 
เมนูแนะนำก็จะมีต้มยำปลาคัง เป็นปลาแบบไม่มีเกล็ดคล้ายปลาสวายอารายประมาณนี้และ กุ้งเผา อยากกินหม่ำเลยสั่งมากินด้วยแซ๊บหลาย 

เดินย่อยข้าวถ่ายรูปกันหน่อย เดินเล่นอยู่ริมโขงลมพัดเย็นสบาย แถวนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่เงียบสงบดีมากเลย  แต่เดินนานก็เมื่อย  กลับไปพักผ่อนเอาแรงดีกว่า   พรุ่งนี้มีโปรแกรมใหญ่อีก 
5  ธันวาคม 2554
ตื่นจากที่พักประมาณ 7  โมง เก็บของเตรียมพร้อมไว้เพื่อเดินทางต่อ  จากนั้นก็เก็บภาพตอนเช้าแถวริมโขงระหว่างรอเพื่อนเจ้าถิ่นมาสมทบ
 
เมื่อถ่ายรูปพอสมควรแล้วเราก็นั่งรถสามล้อเพื่อไปเที่ยวถามหาสถานที่ที่น่าสนใจก็มี  วัดโพธิ์ชัย ที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระใส  เจดีย์กลางน้ำ และศาลาแก้วกู่ ราคาเหมา 200 บาท  เที่ยวแบบด่วนๆก่อนเพื่อนจะมาถึง  ที่แรก
วัดโพธิ์ชัย  เป็นวัดที่มีพุทธศาสนิกชนหนาแน่นมาก
ศาลาแก้วกู่ ( ชาวบ้านเรียก วัดแขก)
เป็นสถานที่ที่น่าสนใจมากแบบว่าเหมือนกับจำลองแดนนิพพานอะไรประมาณนี้ ทุกอย่างดูมีศิลปะอยู่บนงานปั้นแต่ละชิ้น  มีชีวิตชีวาและที่สำคัญทำให้เรารู้สึกอลังการมากเมื่อเดินเข้ามา
เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงน้ำโขงลดเราจึงมีโอกาสเห็นพระธาตุกลางน้ำโปรดสังเกตธงแดงกลางน้ำจุดนั้นแหละ ข้างๆก็จะมีจุดพักชมประวัติพระธาตุ

พอเดินได้แป๊บนึงเพื่อนก็โทรมา  เราก็รีบกลับไปที่ริมโขงเพื่อพบกับไกด์คนงาม(อิอิ)
และแล้วหล่อนก็พาเราไปยังด่านที่จะข้ามไปฝั่งลาว  เอะ!!จอดรถไหนดีน้า  เย้จอดได้แล้วเรามาถึงด่านประมาณ 8 โมงกว่า แล้วก็กำลังคิดกันว่าจะข้ามฝั่งไปยังไงดี  แล้วเราก็เดินเข้าไปหาทัวร์จำชื่อมะได้ละ  ราคาประมาณ 1200 ต่อรถหนึ่งคัน  เมื่อต่อรองราคาเรียบร้อยแล้วเราก็เอาบัตรประชาชนให้ทัวร์เพื่อทำบัตรผ่านแดนใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็ได้หนังสือผ่านแดน  เราเดินทางมาที่จุดผ่านแดน

                                              รอคิวยื่นหนังสือผ่านทาง โดยไกด์ชาวลาวชื่อ...ดุ๊ก

นั่งรถบัสข้ามฝั่งโขงไปยังประเทศลาว


                                                


เก็บภาพพอหอมปากหอมคอ
จุดแรกที่ลาวแวะกินเฝอพร้อมไกด์ชามละ 60 บาทถ้าจำไม้ผิด ชามใหญ่มาก
สถานที่ต่อไปพระธาตุหลวงเวียงจันทร์  กว่าจะไปถึงก็เที่ยงพอดี  ที่นี่เค้าพักเที่ยงคับ รอบ่ายค่อยเข้าไปชมนะ  เราเลยเดินทางไปที่อื่นก่อน   เราเลยไปหอพระแก้ว  สถานที่ที่เคยประดิษฐานพระแก้วมรกตที่ได้อัญเชิญมาจากล้านนา  และเมื่อนครเวียงจันทน์ถูกกองทัพสยามตีแตก กองทัพสยามได้อัญเชิญพระแก้วมรกต พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของนครเวียงจันทน์ ไปกรุงเทพ  ค่าเข้าชม คนละ 5,000 กีบ  ถ้าใส่ขาสั้นทางเจ้าหน้าที่จะให้ใส่ผ้านุ่งสวยงามเลยละ   ภายในวิหารเค้าห้ามถ่ายรูปนะครับโปรดระวังด้วย  ข้างในก็จะแสดงศิลปะทั้งรูปปั้น  พระพุทธรูป แล้วก็พวกต้นไม้เงินต้นไม้ทอง  ประมาณนี้แหละ


จากนั้นแวะวัด “สิเมือง” เป็นวัดที่ใครขออะไรก็ได้แต่ห้ามขอเรื่องความรัก

ประตูชัยก็ไม่ได้แวะเพราะวันนี้แขกผู้ใหญ่ของลาวมา  และแล้วก็ไปที่สุดท้าย  พระธาตุหลวงเวียงจันทร์ วัดคู่บ้านคู่เมืองชาวลาว  เมื่อเดินพ้นซุ้มประตูขนาดใหญ่มาแล้วก็จะเป็นลานกว้าง มองเห็นพระธาตุเจดีย์สีทองโดดเด่น ภายในจะเห็น อนุสาวรีย์ของสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์นักรบและ วีระบุรุษแห่งอาณาจักรล้านช้าง ตั้งเด่นเป็นสง่า อยู่ลานหน้าพระธาตุ... และคนไทย (โดยเฉพาะคนภาคเหนือ) คงน้อยคนนักที่รู้ว่าพระองค์เป็นกษัตริย์จากอาณาจักรล้านช้างที่เคยมาปกครองเมืองเชียงใหม่ 


กว่าจะเที่ยวจนหมดก็บ่ายสามโมงได้ละ  คราวนี้ไกด์สาวก็พาเรานั่งรถไปอุดรเพื่อที่จะขึ้นรถทัวร์กลับ กทม มาลุยงานต่อ  ก่อนกลับมีเลี้ยงแหนมเนืองอร่อยมาก